
วันนี้ 15 พ.ย. 68 เพจ กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกแถลงการณ์ การสู้รบตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตาม แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ วันนี้ 4 พ.ย. 68 ณ เวลา 14.00 น.) ดังนี้
สถานการณ์โดยรวม ตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา ตรวจพบโดรน 7 ลำ ในฝั่งกัมพูชา ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่าย ไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของ ฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์
การดูแลผู้อพยพ สนับสนุนส่วนราชการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน อำนวย ความสะดวกประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัย ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ 4 ศูนย์ ปัจจุบันมียอดรวม 417 คน เนื่องจากมีความวิตกกังวล และยังไม่ มั่นใจในสถานการณ์ในพื้นที่ ทั้งนี้ทางฝ่ายปกครองได้จัดชุดรักษาความปลอดภัย หมู่บ้าน เข้าดูแลพื้นที่ บ้านเรือนของพี่น้องประชาชนที่อพยพอย่างต่อเนื่อง
คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เข้าเยี่ยมเชลยศึกกัมพูชา ตามขั้นตอน สากล ยืนยัน ยึดหลักมนุษย์ธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
กองทัพบกร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ อำนวยความสะดวกคณะกรรมการกาชาด ระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross: ICRC) ประจำ กรุงเทพฯ เข้าเยี่ยมเชลยศึกกัมพูชา จำนวน 18 นาย ณ สถานที่ควบคุมตัวในพื้นที่รับ ผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 โดย ICRC ถือเป็นหน่วยงานด้านมนุษยธรรมระหว่าง ประเทศที่ดูแลเรื่องเกี่ยวกับเชลยศึกโดยตรง ปฏิบัติงานตามหลักสากลด้วยความมี มาตรฐาน เป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ
การเข้าเยี่ยมในครั้งนี้เป็นไปตามขั้นตอนปกติของหน่วยงาน ICRC มีวัตถุประสงค์เพื่อ รับทราบสภาพความเป็นอยู่ของเชลยศึก และเป็นช่องทางในการติดต่อกับครอบครัว อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความเคารพและยึดมั่นของประเทศไทยในการปฏิบัติตาม หลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพันธกรณีตามอนุสัญญาเจ นีวา ค.ศ. 1949 ที่ประเทศไทยเป็นภาคี ตลอดจนเน้นย้ำถึงความโปร่งใสในการดำเนิน งาน การดูแลเชลยศึกด้วยศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติ สากลที่เกี่ยวข้อง
ในโอกาสนี้ กองทัพบกได้เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ ICRC เข้าพบและพูดคุยกับเชลยศึก อย่างอิสระโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา พร้อมทั้งจัดให้มีการตรวจสุขภาพ และได้ บรรยายสรุปให้แก่คณะ ICRC เกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์ที่นำไปสู่การควบคุมตัว กำลัง พลฝ่ายกัมพูชาในฐานะเชลยศึก ตลอดจนมาตรการด้านการดูแลการรักษาพยาบาล สำหรับเชลยศึกกัมพูชาทั้ง 18 นาย กองทัพบกยืนยันว่าทุกนายมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มี ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ โดยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ทั้งในด้านอาหารครบ 3 มื้อ สถานที่พักที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ ตลอดจนการดูแลจากแพทย์ประจำพื้นที่ อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้กองทัพบกได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ ICRC อย่างเคร่งครัดโดยที่ไม่ อนุญาตให้ทางคณะผู้แทนของฝ่ายไทยและสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์ ในระหว่าง พบปะพูดคุยกับเชลยศึก อันแสดงถึงความโปร่งใสและความร่วมมือระหว่างฝ่ายไทย กับองค์กรมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
การดำเนินงานด้านจิตอาสา ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.25, กกร.มทบ.25 พร้อมด้วย จิตอาสา 904 จิตอาสาพระราชทาน พบปะพูดคุยให้กำลังใจ สอบถามถึงปัญหาข้อ ขัดข้องของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ฯ พร้อมมอบถุงยังชีพให้ ผู้สูง อายุ ผู้ป่วยติดเตียง และ อสม. ในพื้นที่ ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชน ณ บ้านภูมิคดี ต.ดม อ.สังขะ จ.สรินทร์ และสำรวจพื้นที่ เพื่อประเมินความเสียหาย ของโรงเรียนบ้าน โคกกรม ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อจะดำเนินการ สนับสนุนชุดช่าง ซ่อมแซมอาคารเรียน ให้สามารถเปิดทำการเรียนการสอนต่อไปได้
ศอ.จอส.พระราชทาน จ.สุรินทร์ หน่วยงานราชการ และจิตอาสาพระราชทาน พบปะ ให้กำลังใจบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนโรงเรียนบ้านคลอง โดยมี น.ส.เมทินี แป้นเงิน รอง ผอ.รร.บ้านคลอง ให้การต้อนรับ และเป็นผู้แทน รับมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อสนับสนุนโครงการอาหารกลางวัน จากกลุ่ม ศิษย์เก่า คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งในช่วงที่เกิดสถานการณ์ฯ โรงเรียนบ้าน คลอง ได้ถูกจัดตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว ให้กับประชาชนจาก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่ได้รับผลกระทบฯ


ทั้งนี้ ทางกองทัพภาคที่ 2 ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนขอให้รับข้อมูลข่าวสาร ด้วยวิจารณญาณ และติดตามเฉพาะช่องทางอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่รับผิด ชอบ หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งสามารถตรวจสอบและยืนยันข้อเท็จ จริงได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อมูลที่ไม่เป็น ความจริง